มารู้จักCMS ตัวช่วยในการจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์ให้เป็นที่น่าสนใจ
มารู้จักCMS ตัวช่วยในการจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์ให้เป็นที่น่าสนใจ สวัสดีครับวันนี้ผมจะมากล่าวถึงเรื่องที่ได้ค้างไว้ต่อจากบทความ 6C 6ปัจจัยที่ทำให้ทุกคนมาสนใจเว็บไซต์ ที่ได้กล่าวถึงระบบCMSไว้ ระบบ CMS นั้นก็คือระบบที่ช่วยจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์ (Content Management System: CMS) เป็นระบบที่นำมาช่วยในการสร้างและบริหารเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป ครบวงจร ที่ถูกพัฒนาและคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยลดทรัพยากรในการพัฒนา (Development) และบริหาร (Management)เว็บไซต์ โดยส่วนใหญ่มักจะนำเอา ภาษาสคริปต์ (Script languages) ต่างๆมาใช้ เพื่อให้มีวิธีการทำงานเป็นแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น PHP, Perl, ASP, Python, JSP หรือภาษาอื่นๆเป็นต้น
ข้อดีของ CMS
- ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่องการทำเว็บไซต์มากมาย
- ไม่ต้องเสียเวลาในศึกษาหรือเสียเงินเพื่อจ้างผู้พัฒนาเว็บไซต์
- สะดวกแบะง่ายต่อการดูแลเว็บไซต์ เพราะมีระบบจัดการแบบครบวงจร
- ในระบบของCMS สามารถเพิ่มรูปแบบที่เราต้องการต่างๆได้มากมาย
- สามารถเปลี่ยน Theme ได้โดยการแค่โหลด Theme ของ CMS นั้นๆ
ข้อเสียของ CMS
- ถ้าผู้ใช้ต้องการออกแบบ Theme ต้องศึกษาความรู้เพิ่มเติม เนื่องจาก CMS แต่ละแบบมีหลายระบบมารวมกันทำให้เกิดความยุ่งยาก สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้
- ในช่วงแรกๆผู้ใช้จะต้องศึกษาระบบCMS ทำให้เกิดความลำบากในช่วงแรก
- ในการ Setup ช่วงแรกจะมีความยุ่งยากในการเชื่อมต่อกับ web server
ส่วนประกอบของ CMS
- Templates หรือ Theme เปรียบเสมือนหน้าตาของเว็บไซต์
- ภาษาสคริปต์ (HTML) ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานทั้งหมดของระบบฐานข้อมูล เพื่อไว้เก็บข้อมูลทั้งหมดของเว็บไซต์
ต่อไปคือตัวอย่าง CMS ที่เป็น Freeware สามารถศึกษาและโหลดไปใช้งานได้ฟรีๆครับ
- WordPress คือ CMS ซึ่งปัจจุบันยอดนิยมเป็นอันดับ1ทั่วโลกเหมาะกับเว็บไซต์ บทความทั่วไป การอัพเดทข้อมูล ข่าวสารต่างๆที่ทำได้ง่ายและยังมี Plug-in ต่างๆให้เลือกใช้มากมาย
- Joomla คือ CMS ยอดนิยมอีกตัวหนึ่งเหมาะสำหรับในการสร้างเว็บไซต์ทั่วๆไป ซึ่งจะยินกันบ่อยๆในการทำเว็บไซต์ มีความยืดหยุ่นมาก สามารถการจัดการ Module หรือการย้าย ตำแหน่งส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ให้เป็นไปได้อย่างอิสระ
- Opencart คือ CMS ที่เหมาะกับการทำเว็บขายของ เพราะใช้งานง่าย ไม่เปลืองทรัพยากร Host
- Magento เป็น CMS ประเภท eCommerce ซึ่งพัฒนาโดย eBay เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์เอาไว้ใช้ขายของโดยเฉพาะ มี Features ในการจัดการสินค้า stock หรือแม้แต่ระบบ currency ให้ครบถ้วน
- Drupal เป็น CMS เหมาะในด้านจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ พวกเว็บ Community หรือเว็บ หนังสือพิมพ์ต่างๆ ด้วยมีความยืดหยุ่นในด้านการจัดการเนื้อหา
- Prestashop เป็น CMS ประเภท eCommerceอีกตัวที่ได้รับความนิยมไม่น้อย มี Features มาให้ครบ มี Theme สวยๆให้เลือกใช้งานมากมาย
ปัจจุบันนอกจาก CMS ที่กล่าวถึงยังมีCMS อื่นอีกที่ผู้พัฒนาCMSมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งการที่เราจะนำมาสร้างพัฒนาเว็บไซต์ ควรจะศึกษาแต่ละ CMS ว่าเหมาะสมกับเว็บไซต์ที่เราต้องการพัฒนาอย่างไร เราต้องการพัฒนาเว็บไซต์อะไร มีจุดประสงค์แบบไหน เพราะแต่ละCMS จะมีจุดเด่นจุดด้อยที่ต่างกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อความสะดวกและง่ายต่อผู้พัฒนา รวมถึงจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการใช้ CMS ที่ไม่ตรงกับความต้องการของเราจริงๆ
By…ITบ้านนอก