จิตวิทยาการตั้งราคา เรียกลูกค้าช่วยกระตุ้นยอดขายให้ปัง
จิตวิทยาการตั้งราคา เรียกลูกค้าช่วยกระตุ้นยอดขายให้ปัง รู้ไหมคะว่าการตั้งราคาสินค้า เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการเรียกลูกค้าให้มาสนใจของสินค้าของเรา และกระตุ้นให้เกิดการซื้อ และเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่าวดี ซึ่งการตั้งราคานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับตั้งราคาให้ถูกกว่าคู่แข่งเท่านั้นนะคะ เช่นถ้าตั้งราคาต่ำเกินไป กำไรก็ได้ไม่มาก แต่ถ้าตั้งราคาสูงไป ก็ขายไม่ออกอีก เราจึงต้องรู้หลักจิตวิทยาว่าจะนำเสนอราคาอย่างไรให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อสินค้าของเราได้
จิตวิทยาการตั้งราคาเรียกลูกค้า กระตุ้นยอดขาย เป็นยุทธวิธีการทำตลาดที่มีความซับซ้อนมากที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะเป็นการตลาดเชิงลึกที่เราจะต้องรู้หลักจิตวิทยาว่าจะนำเสนอราคาอย่างไรให้ลูกค้าได้ใช้พิจารณาในการตัดสินใจซื้อสินค้าของเรา วันนี้กราฟฟิกบุพเฟต์จึงได้รวบรวม ทริคการตั้งราคาเรียกลูกค้า กระตุ้นยอดขายโดยใช้หลักจิตวิทยา มาให้พ่อค้าแม่ค้า หรือผู้ประกอบการสินค้าได้ลองนำไปใช้ในการตั้งราคาสินค้า ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกันเลยคะ
การตั้งราคาแบบเลขคี่ (Odd Pricing) การตั้งราคาด้วยเลขคี่นั้นหลายคนน่าคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะมันเป็นการตั้งราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 นั่นเองล่ะค่ะ โดยจะให้ลงท้ายด้วยเลข 9 เช่น 79 บาท 99 บาท 199 บาท หรือ 299 บาท โดยเป็นหลักจิตวิทยาที่ดึงดูดใจลูกค้าได้อย่างดี เพราะการตั้งราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 นั้นจะทำให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่าย เนื่องจากลูกค้าจะเกิดความรู้สึกว่าได้ซื้อสินค้าราคาถูกกว่า โดยการลงท้ายด้วย 9 ดูเหมือนว่าผู้ขายลดราคาให้แล้ว นั่นเองค่ะ (ลดซักบาทก็ยังดีกว่าไม่ลด)
การตั้งราคาแบบเลขคู่ (Even Pricing) เป็นการกำหนดให้ราคาท้ายด้วยเลขคู่หรือจำนวนเต็ม ซึ่งให้ความรู้สึกว่าเป็นสินค้ามีคุณภาพดี มีชื่อเสียง โดยลูกค้าส่วนใหญ่มีความเชื่อว่า ของแพงต้องเป็นของดี เช่น 100 บาท 1,500 บาท 2,290 หรือ 2,500 บาท ย่อมแพงกว่าสินค้าราคา 99 บาท 1,499 บาท 2,289 หรือ 2,499 แน่นอน นอกจากนี้การตั้งราคาแบบเลขคู่ยังสามารถคำนวณได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการคิดและคำนวณของผู้ซื้อ และจะช่วยทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นอีกด้วย
ตั้งราคา แบบให้ส่วนลด (Discount Pricing) การลดราคาเป็นการกระตุ้นยอดขายเพื่อเอาชนะคู่แข่ง ได้ดีที่สุดเลยล่ะคะ เพราะเป็นการสร้างความรู้สึกคุ้มค่าที่จะจ่าย โดยวิธีที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าในจำนวนที่มากขึ้น แถมยังเป็นการช่วยระบายสินค้า ที่ค้างสต็อกได้อีกด้วยค่ะ แต่ต้องระมัดระวังอย่าลดราคามากหรือน้อยเกินไปนะคะ เช่น ถ้าคุณลดราคาน้อยเกินไป นอกจากความต้องการจะไม่เปลี่ยนแปลงแล้วอาจส่งผลให้กำไรลดลงอีกด้วยค่ะ
การตั้งราคาที่แสดงถึงชื่อเสียง (Prestige Pricing) เป็นการตั้งราคาสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งให้มีราคาสูง เพื่อแสดงถึงภาพลักษณ์เกี่ยวกับชื่อเสียงของแบรนด์ หรือคุณภาพของสินค้านั้นๆ โดยจะช่วยกระตุ้นความต้องการของลูกค้าบางกลุ่มให้สูงขึ้นเช่น ลูกค้าที่นิยมสินค้าแบรนด์เนม เพราะราคาสูง ก็ทำให้เกิดความรู้สึกว่าตัวเองกำลังซื้อของคุณภาพดีอยู่นั่นเองคะ
การตั้งราคาแนวระดับราคา (Price Lining) เป็นการตั้งราคาที่เหมาะกับกิจการที่มีสินค้าประเภทเดี่ยวกัน แต่มีระดับคุณภาพแตกต่างกันในด้านรูปแบบ ขนาด หรือสี ขายให้กับผู้ซื้อโดยตั้งราคาระดับต่าง ๆ
เพื่อให้มีโอกาสเลือกสินค้าในระดับราคาที่พอใจ แต่ละรายแตกต่างกัน เช่นบางคนอาจยอมจ่ายแพงกว่า เพื่อให้ได้สินค้าที่ดูดีมีระดับกว่าคนอื่น ขณะที่ลูกค้าบางกลุ่ม ต้องการสินค้าราคาประหยัด ไม่ต้องการลูกเล่นมากนัก การตั้งราคาแบบแนวระดับราคา จึงเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้ดีกว่าการการผลิต และกำหนดราคาสินค้าในราคาเดียวกัน